กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้

หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 10
31
ในยุคที่ทั่วโลกกำลังตื่นตัวกับปัญหาสิ่งแวดล้อม พลาสวูด หรือที่รู้จักกันในชื่อ Plaswood ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในฐานะวัสดุทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม วัสดุชนิดนี้กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในวงการก่อสร้างและตกแต่งภายในของไทย ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นหลายประการ



คุณสมบัติพิเศษของพลาสวูด

แผ่นพลาสวูดผลิตจากการนำพลาสติกรีไซเคิลและเศษไม้มาผสมผสานกันผ่านกระบวนการผลิตที่ทันสมัย ทำให้ได้วัสดุที่มีความแข็งแรงทนทาน แต่น้ำหนักเบา สามารถใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติกันน้ำ กันปลวก และทนต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง

ความพิเศษของ plastwood คือไม่ต้องการการบำรุงรักษามากเหมือนไม้ธรรมชาติ ไม่ต้องทาสีหรือน้ำมันเคลือบบ่อยๆ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว อีกทั้งยังสามารถรับแรงกระแทกได้ดี ไม่แตกหรือหักง่าย จึงเหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีการใช้งานหนัก

การประยุกต์ใช้พลาสวูดในงานตกแต่ง

ด้วยความหลากหลายของรูปแบบและสีสันพลาสวูดสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น:

1. พื้นระเบียงและพื้นรอบสระว่ายน้ำ - ด้วยคุณสมบัติกันลื่นและกันน้ำ ทำให้เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยสำหรับพื้นที่เปียกชื้น
2. รั้วและแผงกั้น - ความทนทานต่อสภาพอากาศทำให้ใช้งานภายนอกได้ดีโดยไม่ผุพัง
3. เฟอร์นิเจอร์สวนและเฟอร์นิเจอร์ภายนอก - สวยงาม ทนแดด ทนฝน ไม่ซีดจางง่าย
4. ผนังตกแต่งและฝ้าเพดาน - สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นเหมือนไม้ธรรมชาติแต่ดูแลรักษาง่ายกว่า
5. งานตกแต่งภูมิทัศน์ - เช่น ทางเดินในสวน กระบะปลูกต้นไม้ หรือศาลาพักผ่อน

พลาสวูดกับการพัฒนาที่ยั่งยืน

การเลือกใช้ แผ่นพลาสวูด ถือเป็นการสนับสนุนแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เนื่องจากช่วยลดการตัดไม้ทำลายป่าและนำพลาสติกที่ใช้แล้วมาแปรรูปให้เกิดประโยชน์ การผลิตพลาสวูดใช้พลังงานน้อยกว่าการผลิตไม้เทียมแบบอื่นๆ และมีอายุการใช้งานยาวนานกว่า 15-20 ปี ซึ่งช่วยลดปริมาณขยะในระยะยาว

นอกจากนี้ plastwood ยังสามารถนำกลับมารีไซเคิลได้อีกครั้งเมื่อหมดอายุการใช้งาน สร้างวงจรการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม



เลือกพลาสวูดอย่างไรให้เหมาะกับงาน

การเลือก plaswood ที่มีคุณภาพควรพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้:

- ความหนาและความหนาแน่นที่เหมาะสมกับการใช้งาน
- การรับน้ำหนักและความแข็งแรง
- สีสันและลวดลายที่ต้องการ
- การติดตั้งและการดูแลรักษา
- มาตรฐานรับรองคุณภาพและความปลอดภัย

สรุป

พลาสวูดจึงเป็นวัสดุทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการความสวยงาม ทนทาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นงานตกแต่งภายในหรือภายนอก วัสดุชนิดนี้สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ และยังช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติได้อีกด้วย

การเลือกใช้แผ่นพลาสวูดจาก บริษัท ศุฐิศา จำกัด จึงเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดสำหรับโครงการก่อสร้างและตกแต่งที่ต้องการความยั่งยืนและคุณภาพระดับพรีเมียม ทั้งยังเป็นการร่วมรักษาสิ่งแวดล้อมอีกทางหนึ่ง ซึ่งสอดคล้องกับกระแสการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่กำลังได้รับความนิยมทั่วโลกในปัจจุบัน
32
+ข่าวสารอัพเดท / ไข้หวัดใหญ่อาการหนักแค่ไหน ค่ารักษาเท่าไหร่
« กระทู้ล่าสุด โดย febru เมื่อ พฤษภาคม 26, 2025, 02:40:25 PM »
ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจที่เป็นโรคร้ายแรงเกิดจากเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza virus) ซึ่งมีหลายสายพันธุ์ โดยสายพันธุ์หลัก ๆ ที่ก่อให้เกิดโรคในมนุษย์มีดังนี้

สายพันธุ์ของไข้หวัดใหญ่
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A: เป็นสายพันธุ์ที่พบได้บ่อยและมีความรุนแรงที่สุดมีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมได้ง่าย ทำให้เกิดสายพันธุ์ย่อยใหม่ ๆ อยู่เสมอ
สามารถพบได้ในสัตว์หลายชนิด เช่น นก สุกร และมนุษย์ ตัวอย่างสายพันธุ์ย่อยที่สำคัญ ได้แก่ H1N1 (ไข้หวัดใหญ่ 2009) และ H3N2

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B: พบได้เฉพาะในมนุษย์มีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมน้อยกว่าสายพันธุ์ A โดยทั่วไปมีความรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์ A

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ C: พบได้น้อยกว่าสายพันธุ์ A และ B โดยทั่วไปมีอาการไม่รุนแรง คล้ายไข้หวัดธรรมดาไม่ค่อยก่อให้เกิดการระบาด



อาการของไข้หวัดใหญ่จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่โดยทั่วไปจะมีอาการดังนี้:
ไข้สูง, ปวดศีรษะ, ปวดเมื่อยตามตัว, เจ็บคอ, ไอ, คัดจมูก, อ่อนเพลีย

ความรุนแรงของโรคขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของไวรัสและสุขภาพของผู้ป่วย โดยผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน ได้แก่:
เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคปอด โรคหัวใจ หรือโรคเบาหวาน หญิงตั้งครรภ์

วิธีการรักษา
การรักษาตามอาการ:พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมาก ๆ ใช้ยาลดไข้และยาแก้ปวด ยาแก้ไอและยาแก้คัดจมูก

การรักษาด้วยยาต้านไวรัส:
ยาต้านไวรัส เช่น โอเซลทามิเวียร์ (Oseltamivir) และซานามิเวียร์ (Zanamivir) สามารถช่วยลดความรุนแรงของโรคและระยะเวลาการป่วยได้ ยาเหล่านี้ควรใช้ภายใน 48 ชั่วโมงหลังจากเริ่มมีอาการ
การป้องกัน:
การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นวิธีป้องกันที่มีประสิทธิภาพที่สุด การล้างมือบ่อย ๆ การหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยการปิดปากและจมูกเมื่อไอหรือจาม หากมีอาการรุนแรงหรือมีภาวะแทรกซ้อน ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

ค่ารักษาไข้หวัดใหญ่ในโรงพยาบาลเอกชนนั้นแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น
ความรุนแรงของอาการ: หากมีอาการรุนแรงหรือมีภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดอักเสบ ค่ารักษาจะสูงขึ้น
ระยะเวลาในการรักษา: หากต้องนอนโรงพยาบาลเป็นเวลานาน ค่ารักษาจะสูงขึ้น
โรงพยาบาล: โรงพยาบาลเอกชนแต่ละแห่งมีค่ารักษาที่แตกต่างกัน
การตรวจวินิจฉัย: การตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม เช่น การตรวจเลือด การเอกซเรย์ หรือการตรวจทางห้องปฏิบัติการ จะเพิ่มค่าใช้จ่าย
ยาและเวชภัณฑ์: ยาและเวชภัณฑ์ที่ใช้ในการรักษา จะมีผลต่อค่าใช้จ่าย
โดยทั่วไปแล้ว ค่ารักษาไข้หวัดใหญ่ในโรงพยาบาลเอกชนอาจมีค่าใช้จ่ายประมาณดังนี้:

ค่าตรวจผู้ป่วยนอก (OPD): ประมาณ 1,000 - 10,000 บาทต่อครั้ง
ค่ารักษาผู้ป่วยใน (IPD): ประมาณ 46,000 - 72,000 บาท ขึ้นไปต่อการนอนโรงพยาบาล 1 ครั้ง
ข้อควรทราบ
ค่ารักษาที่กล่าวมาเป็นเพียงค่าประมาณ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้
หากซื้อประกันออนไลน์ ควรตรวจสอบความคุ้มครองและเงื่อนไขกับบริษัทประกัน

คำแนะนำ
หากมีอาการไข้หวัดใหญ่ ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษา การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นวิธีป้องกันที่มีประสิทธิภาพ
ควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง โดยการพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
33


    1. ความสูงที่เหมาะสม
    ควรเลือกใช้สุขภัณฑ์ที่มีความสูง 40-45 ซม. เพราะเหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นบุคคลทั่วไป เด็ก ผู้สูงอายุ ไปจนถึงผู้ที่ใช้วีลแชร์ เนื่องจากขณะใช้งานผู้ใช้งานจะนั่งลงบนโถสุขภัณฑ์ และเหยียบพื้นได้เต็มเท้าพอดี
    2. รูปทรงโถสุขภัณฑ์
    สำหรับรูปทรงโถสุขภัณฑ์ที่นั่งสบาย ควรเลือกใช้ทรงวงรี หรือทรงอีลองเกตที่เป็นทรงมาตรฐาน รองรับสรีระร่างกายได้อย่างเหมาะสม
    3. ระบบชำระล้าง
    ควรเลือกระบบชำระล้างที่ทำความสะอาดได้หมดจด ไม่เหลือคราบสิ่งสกปรกตกค้าง ซึ่งจะช่วยเรื่องการประหยัดน้ำได้โดยตรง เพราะในสุขภัณฑ์ที่ไม่มีคุณภาพ ทำให้ต้องกดชำระหลาย ๆ ครั้ง เป็นการสิ้นเปลืองน้ำโดยไม่จำเป็น ซึ่งเรื่องระบบชำระล้าง และความประหยัดน้ำ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณาคู่กัน
    4. เลือกสุขภัณฑ์ที่ดูแลง่าย
    เพราะสิ่งสกปรก เชื้อโรคและเชื้อไวรัสที่มองไม่เห็นนั้นมีอยู่ทุกที่ โดยเฉพาะบนโถชักโครก ดังนั้นควรเลือกชักโครกที่ทำความสะอาดง่าย สะอาดได้อย่างยาวนาน ไม่ต้องทำความสะอาดบ่อยครั้ง เพื่อปกป้องทุกคนในครอบครัวจากเชื้อโรค และลดการสัมผัสสารเคมีจากน้ำยาล้างห้องน้ำได้อีกด้วย
    5. เลือกแบรนด์ที่เป็นที่รู้จัก
    เพราะแบรนด์ที่มีชื่อเสียง จะช่วยให้เข้าถึงข้อมูลการใช้งานได้มากขึ้น รวมถึงยังได้รับบริการที่มีคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นการให้คำปรึกษาด้านการเลือกซื้อ ไปจนถึงบริการติดตั้ง และบริการหลังการขายที่ครอบคลุม จึงช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะได้เครื่องสขภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ใช้งานได้อย่างยาวนาน



ประเภทโถสุขภัณฑ์ห้องน้ำของ
    1. โถสุขภัณฑ์ชิ้นเดียว
    มีจุดเด่นอยู่ที่ดีไซน์และทำความสะอาดง่าย เนื่องจากโถส้วมถูกเชื่อมกับถังพักน้ำแบบไร้รอยต่อ ช่วยให้ติดตั้งและทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น
    2. โถสุขภัณฑ์แบบสองชิ้น
    โถชักโครกประเภทนี้ จะมีรอยต่อระหว่างตัวโถส้วมและถังพักน้ำ ซึ่งหากถังพักน้ำมีความเสียหาย มีรอยร้าว ก็สามารถเปลี่ยนอะไหล่เฉพาะส่วนได้โดยง่าย
    3. โถสุขภัณฑ์แขวนผนัง
    การติดตั้งโถแบบนี้จะช่วยให้ง่ายต่อการทำความสะอาดเป็นพิเศษ เพราะโถชักโครกไม่อยู่ติดกับพื้นแต่จะแขวนอยู่กับผนังแทน ดังนั้นผนังบ้านต้องรับน้ำหนักได้ดี และมีระยะท่อตามที่กำหนดไว้อย่างได้มาตรฐาน จึงจะสามารถติดตั้งได้
    4. โถสุขภัณฑ์ตั้งพื้น
    โถลักษณะนี้จะมีหม้อน้ำซ่อนผนังหรือใช้ฟลัชวาล์วซ่อนผนัง สามารถรับน้ำหนักได้มากเพราะมีฐานที่มั่นคง อีกทั้งการที่ไม่เห็นถังพักน้ำ ยังช่วยทำให้ห้องน้ำของคุณดูโดดเด่น มีสไตล์มากยิ่งขึ้น

จุดเด่นของโถสุขภัณฑ์ห้องน้ำ
สิ่งสำคัญที่สุดของโถสุขภัณฑ์ คือความสะอาด หากไม่ทำความสะอาดเป็นประจำ อาจก่อให้เกิดคราบสกปรก จนกลายเป็นแหล่งรวมเชื้อโรคและแบคทีเรียชนิดต่าง ๆ ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้ใช้งานได้ ด้วยเหตุนี้ จึงได้พัฒนาสาร CEFIONTECT ซึ่งเป็นสารชนิดพิเศษที่ทำให้ผิวอุปกรณ์ชักโครกเรียบลื่น ทำความสะอาดง่าย ช่วยลดความถี่ในการทำความสะอาด และลดการใช้น้ำยาล้างห้องน้ำ ซึ่งถือเป็นการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย

นอกจากความสะอาดแล้ว สิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการประหยัดน้ำจึงได้พัฒนาระบบชำระล้างที่เรียกว่า TORNADO FLUSH โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการชำระล้างด้วยกระแสน้ำที่แรง และหมุนวนครบ 360 องศา ทำให้โถสุขภัณฑ์สะอาดทั่วทุกทิศทางด้วยปริมาณน้ำที่น้อยลง โดยสุขภัณฑ์ใช้น้ำน้อยที่สุดเพียง 3.8 ลิตรเท่านั้น ถือเป็นตัวช่วยประหยัดน้ำและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

34
ถ้าพูดถึงการวางแผนทางเงินแบบเบสิกแล้ว โดยทั่วไปหลายคนจะมีวิธีการออมเงินในรูปแบบการประกันชีวิต โดยการฝากเงินในรูปแบบการประกันชีวิต ซึ่งเป็นการวางแผนทางการเงินแบบความเสี่ยงต่ำ เพื่อรักษาเงินต้นไม่ให้หายไป แต่ก็ต้องยอมรับสิ่งที่ตามมาว่าเราจะได้รับผลตอบแทนที่น้อย ยิ่งปัจจุบันเป็นยุคที่มีอัตราดอกเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น แต่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ลดลงเรื่อยๆ แน่นอนว่าเราจำเป็นต้องมองหาแผนทางการเงินใหม่เพื่อที่จะได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น อย่างไรก็ดี ประกันออมทรัพย์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับพิจารณาในการวางแผน

เปลี่ยนเงินฝากมาเป็นประกันออมทรัพย์ หรือ ประกันสะสมทรัพย์ ดีกว่าอย่างไร
ก่อนอื่น เราจำเป็นต้องทำความรู้จักกับ ประกันออมทรัพย์ หรือ ประกันสะสมทรัพย์ กันก่อน ซึ่งประกันออมทรัพย์เป็นประกันอีกรูปแบบหนึ่ง ที่มีหลักการคือเน้นการสะสมเงิน (ออมเงินในรูปแบบการประกันชีวิต) พร้อมกับความคุ้มครองชีวิตเพิ่มขึ้นมา โดยเราจำเป็นต้องส่งเบี้ยประกันตามระยะเวลาที่กรมธรรม์ระบุไว้ เมื่อครบกำหนดประกันออมทรัพย์ก็จะจ่ายเงินคืนให้เรา ซึ่งการจ่ายเงินคืนนี้จะเป็นไปตามที่เราตกลง โดยทั่วไปแล้วจะมีการจ่ายคืนเป็นก้อน หรือจ่ายเงินคืนระหว่างทางตลอดสัญญา และในกรณีที่เราเสียชีวิตระหว่างที่ส่งกรมธรรม์ ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จะได้รับเงินก้อนที่เรียกว่า "จำนวนเงินเอาประกัน" ตามที่ระบุไว้ในกรรมธรรม์
ผลตอบแทนมากกว่า
ผลตอบแทนของประกันออมทรัพย์นั้นเราจำเป็นต้องดูจากผลประโยชน์เกี่ยวกับเงินปันผล เงินคืน และเงินครบกำหนดสัญญา ซึ่งถ้ามีการจ่ายคืนแบบ "คงที่" ตรงนี้เราสามารถคำนวณจำนวนเงินได้ทันที ซึ่งมีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ ดังนั้นประกันออมทรัพย์จึงเหมาะสำหรับใครที่มีเป้าหมายเพื่อออมเงินในรูปแบบการประกันชีวิต และทำประกันชีวิตไปพร้อมๆ กัน ซึ่งตรงนี้ให้ผลตอบแทนที่มากกว่าและตรงใจ



ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้
เงินที่ได้รับจากประกันออมทรัพย์นั้นจะไม่มีการเสียภาษีใดๆ นั่นหมายถึงเราจะได้รับเงินเต็มจำนวนเมื่อครบกำหนดสัญญาของประกันออมทรัพย์ ทั้งนี้ยังสามารถใช้สิทธิเพื่อลดหย่อนภาษีได้เมื่อประกันออมทรัพย์ที่มีอายุกรรมธรรม์และคุ้มครองมากกว่า 10 ปีขึ้นไป สามารถลดหย่อนภาษีเงินได้ส่วนบุคคลได้สูงสุดปีละ 100,000 บาท

ได้รับความคุ้มครองเพิ่ม
การวางแผนทางการเงินในรูปแบบประกันออมทรัพย์ นอกจากจะเป็นการสะสมทรัพย์แล้ว ยังมีการคุ้มครองชีวิตเพิ่มเข้ามาด้วย เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินหรือไม่คาดฝันขึ้น ยังมีความคุ้มครองจากประกันออมทรัพย์ที่จะช่วยคุ้มครองดูแลเราและครอบครัว นอกจากนี้ยังสามารถซื้อประกันอื่นๆ เพิ่มเติมได้เช่น ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ โดยที่จะคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล รวมถึงเงินชดเชยรายได้ระหว่างการพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล

ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน
การลงทุนในรูปแบบประกันออมทรัพย์ ถือเป็นการลงทุนระยะยาวและสม่ำเสมอ เป็นการสร้างวินัยในการออมในรูปแบบการประกันชีวิตได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อครบสัญญาตามกรมธรรม์ ผู้ที่ถือประกันจะได้รับผลตอบแทนและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ตามกำหนด นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในด้านการลงทุนหรือวางแผนอนาคตได้อย่างมั่นคง นั่นก็คือ สามารถกู้เงินในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำจากมูลค่าเวนคืนเงินสดตามกรมธรรม์ได้ ซึ่งเป็นข้อดีสำหรับใครที่ต้องการทำการลงทุน

การฝากเงินธรรมดาทั่วไปให้ผลตอบแทนที่น้อยมากในปัจจุบัน และยังต้องมีการเสียภาษี ซึ่งประกันเหมาจ่าย เป็นอีกหนึ่งทางเลือกทางเลือกที่ดี เพื่อเพิ่มเติมผลตอบแทนในระยะยาว และยังสามารถลดหย่อนภาษีได้ แน่นอนว่าข้อดีนี้เหมาะกับใครที่มีรายได้เข้าเกณฑ์เสียภาษี ที่สำคัญยังเหมาะสำหรับใครที่กำลังมองหาการคุ้มครองชีวิต สุขภาพ รวมถึงอุบัติเหตุ ไว้ให้กับตนเองและครอบครัวอีกด้วย
35
+ข่าวสารอัพเดท / 5 สาเหตุและวิธีการแก้ปัญหาฝักบัวน้ำไม่แรง
« กระทู้ล่าสุด โดย febru เมื่อ พฤษภาคม 19, 2025, 04:42:24 PM »
ปัญหาฝักบัวน้ำไม่แรงสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยแต่ละสาเหตุมีวิธีการแก้ไขที่แตกต่างกันไป ก๊อกฝักบัว แบบไหนดี เพื่อให้น้ำไหลได้แรงดั่งใจอีกครั้ง ฝักบัวน้ำไม่แรง เป็นหนึ่งในปัญหาที่คอยกวนใจใครหลาย ๆ คนอยู่เป็นประจำ เวลาอาบน้ำ ทำให้คุณไม่สามารถใช้งานฝักบัวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หากคุณกำลังมองหาสาเหตุและวิธีแก้ไขเพื่อให้น้ำไหลแรงได้ดั่งใจ



5 สาเหตุของฝักบัวน้ำไม่แรงและวิธีการแก้ไข
1. สิ่งสกปรกอุดตันฝักบัว
หากคุณใช้งานฝักบัวมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง แล้วเกิดปัญหาน้ำไม่แรงขึ้น อาจมีสาเหตุมาจากการอุดตันของคราบสกปรกหรือตะกอนต่าง ๆ ที่ปนเปื้อนมากับน้ำ ซึ่งมักจะฝังตัวอยู่ในบริเวณหัวฝักบัว สายยาง และท่อทางเดินน้ำ ทำให้น้ำฝักบัวไหลไม่แรงเท่าที่ควร

วิธีแก้ไข
ถ้าปัญหาฝักบัวน้ำไม่แรงเกิดจากสาเหตุข้างต้นนี้ล่ะก็ วิธีการแก้ไขในเบื้องต้น คือ ให้ถอดฝักบัวมาทำความสะอาด หากมีสิ่งอุดตันไม่มาก ให้ล้างด้วยน้ำสะอาด แต่หากมีสิ่งอุดตันติดแน่นมาก ให้ใช้น้ำยาแช่เอาไว้ หรืออาจจะแช่ด้วยน้ำส้มสายชูผสมกับน้ำเปล่า แล้วจึงใช้แปรงขัดออก ก็จะช่วยขจัดสิ่งที่อุดตันให้หายไปได้
 
2. แรงดันน้ำไม่มากพอ
สาเหตุหลัก ๆ อีกอย่างที่ทำให้ก๊อกฝักบัวน้ำไม่แรง คือ ปัญหาแรงดันน้ำที่เบาเกินไป รวมถึงขนาดปั๊มน้ำที่ขนาดเล็กและไม่เพียงพอต่อการใช้งานในบ้าน ส่งผลให้น้ำที่ไหลออกมาเบา หลาย ๆ บ้านเกิดปัญหานี้ในช่วงเวลาที่มีการเปิดน้ำพร้อมกันทีเดียวหลายจุด

วิธีแก้ไข
วิธีแก้ปัญหานี้ต้องใช้ผู้ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ เข้ามาตรวจเช็ครายละเอียดของปั๊มน้ำ ซึ่งเราต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมพอดีกับบ้าน ทั้งจำนวนชั้น จำนวนสมาชิก และจุดที่สามารถเปิดใช้น้ำด้วย เพื่อให้มีแรงดันน้ำที่เพียงพอกับการใช้งาน และทำให้คุณได้ใช้ฝักบัวที่น้ำไหลแรงดั่งใจต้องการ
 
3. เครื่องทำน้ำอุ่นชำรุด
อีกหนึ่งสาเหตุที่หลายคนคาดไม่ถึง คือ การเกิดปัญหากับเครื่องทำน้ำอุ่นที่เกิดการชำรุด แล้วส่งผลให้น้ำฝักบัวไม่แรง โดยส่วนใหญ่ที่พบเจอนั้น เป็นการรั่วซึมของหม้อทำน้ำอุ่น ซึ่งทำให้น้ำที่จะไหลไปยังฝักบัวรั่วซึมออกมาและเบาลงนั่นเอง บางครั้งอาจเกิดจากเครื่องทำน้ำอุ่นที่ไม่ได้ชำรุด แต่เกิดคราบตะกรันสะสมที่ฟิลเตอร์ตัวกรองสิ่งสรกปกอุดตัน เป็นเหตุให้น้ำไหลเบาได้เช่นกัน

วิธีแก้ไข
ส่วนวิธีการแก้ไข ทำได้โดยการเช็คฟิลเตอร์ตัวกรองและทำความสะอาดเบื้องต้นก่อน ถ้าทำความสะอาดแล้ว น้ําของฝักบัวยังไหลเบาอยู่ จึงค่อยทำการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนเครื่องทำอุ่นใหม่ ก็จะหมดปัญหาไปในทันที แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าปัญหาจะไม่กลับมาอีก หากคุณไม่หมั่นตรวจเช็คเครื่องทำน้ำอุ่นอย่างเป็นประจำ อาจทำให้ฝักบัวน้ำไม่แรงอีกได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้หากยังใช้งานเครื่องทำน้ำอุ่นที่ชำรุดต่อไป อาจก่อให้เกิดอันตรายอื่น ๆ ตามมาได้อีกด้วย

 
4. ระบบกรองน้ำมากเกินไป
การมีระบบกรองน้ำหลายชั้นมีข้อดีอย่างหนึ่ง คือ ช่วยให้คุณได้ใช้น้ำที่ได้สะอาด ปลอดภัย และกรองสิ่งปรกออกไปให้มากที่สุด แต่ข้อเสียที่อาจจะตามมา คือ ทำให้เกิดปัญหาน้ำฝักบัวไหลเบา เนื่องจากน้ำต้องไหลผ่านการกรองหลายชั้นมากเกินไป ซึ่งคุณคงจะไม่ชอบปัญหานี้แน่ ๆ

วิธีแก้ไข
และปัญหานี้สามารถแก้ได้จากเลือกใช้ฝักบัวที่มีระบบกรองน้ำเพียง 1-2 ชั้น หรือลดชั้นกรองให้น้อยลงไปจากฝักบัวเดิมที่ใช้อยู่ เพื่อให้น้ำได้ไหลผ่านระบบกรองเร็วขึ้น เป็นการช่วยปรับให้น้ำฝักบัวไหลแรงมากขึ้นด้วย
 


5. ฝักบัวไม่มีคุณภาพ
หลายครั้งปัญหาเกิดขึ้นจากคุณภาพของฝักบัวอาบน้ำที่ไม่ได้มาตรฐาน  ทั้งจากวัสดุใช้ที่ไม่มีคุณภาพในการผลิต รวมถึงไม่ได้ออกแบบให้ตอบโจทย์การใช้งานที่ต้องการน้ำไหลแรงนั่นเอง

36
ในปัจจุบันวัสดุหลายชนิดได้ถูกพัฒนาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย โดยเฉพาะในด้านการก่อสร้างและการออกแบบตกแต่งภายใน แผ่นอะคริลิค (Acrylic Sheet) เป็นหนึ่งในวัสดุที่ได้รับความนิยมมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีคุณสมบัติเด่นทั้งความโปร่งใส น้ำหนักเบา และทนทานต่อสภาพอากาศ  นอกจากนี้ แผ่นอะคริลิคยังเหมาะสำหรับงานหลากหลายประเภท เช่น งานทำหน้าต่าง งานหลังคาแบบโปร่งใส รวมถึงงานออกแบบเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน



อะคริลิคคืออะไร?

อะคริลิค (Acrylic) หรือที่เรารู้จักกันในชื่อทางเคมีว่าโพลิเมทิลเมทาคริเลต (PMMA - Polymethyl Methacrylate) เป็นพลาสติกประเภทหนึ่งที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับแก้ว แต่มีน้ำหนักเบากว่าและทนต่อแรงกระแทกได้ดีกว่า  อะคริลิคมักถูกนำมาใช้แทนกระจกในหลายกรณี เช่น การทำหน้าต่าง ฉากกั้นห้อง หรือแม้กระทั่งการทำตู้ปลา เพราะให้ความสวยงามและปลอดภัยมากกว่าเมื่อเทียบกับกระจกธรรมดา

แผ่นอะคริลิคในงานก่อสร้างและการออกแบบ

ในวงการก่อสร้างและสถาปัตยกรรม แผ่นอะคริลิค มีบทบาทสำคัญในการสร้างแสงธรรมชาติและบรรยากาศที่เปิดโล่ง โดยสามารถนำไปใช้ทำเป็น skylight, ประตู, หน้าต่าง หรือแม้กระทั่งผนังกั้นที่ต้องการความโปร่งใส  ความสามารถในการรับแสงของแผ่นอะคริลิคนั้นสูงกว่ากระจกถึง 7-8 เท่า ซึ่งช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าจากการใช้แสงสว่างเทียม

นอกจากนี้ แผ่นอะคริลิคยังเหมาะสำหรับการออกแบบภายใน เช่น การทำเฟอร์นิเจอร์แนวโมเดิร์น การตกแต่งผนัง หรือแม้กระทั่งทำเป็นป้ายโฆษณา เนื่องจากสามารถขึ้นรูปได้ง่าย ตัดแต่งได้หลากหลายรูปแบบ และมีสีสันให้เลือกมากมาย



ข้อดีของอะคริลิคเมื่อเทียบกับวัสดุอื่น ๆ

- น้ำหนักเบา: อะคริลิคมีน้ำหนักเบากว่ากระจกประมาณ 50% ทำให้ขนย้ายและติดตั้งได้ง่ายกว่า
- ทนทานต่อแรงกระแทก: อะคริลิคมีความแข็งแรงกว่ากระจกถึง 17 เท่า ลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุและการแตกหัก
- ทนต่อสภาพอากาศ: อะคริลิคสามารถทนต่อรังสี UV และไม่เกิดสนิมหรือผุพังเมื่ออยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน
- ตัดแต่งได้ง่าย: แผ่นอะคริลิคสามารถตัดเจาะ หรือขึ้นรูปได้โดยใช้เครื่องมือทั่วไป เช่น เลเซอร์หรือเครื่อง CNC

แหล่งซื้ออะคริลิคคุณภาพดี

หากคุณกำลังมองหา แผ่นอะคริลิค ที่มีคุณภาพสูงและราคาเหมาะสม สามารถเข้าไปเยี่ยมชมสินค้าได้ที่ https://www.suthisamaterial.com/ ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมวัสดุก่อสร้างและตกแต่งที่ได้มาตรฐานครบวงจร โดยเฉพาะ แผ่นอะคริลิค ShinkoLite ที่ผลิตโดยบริษัทร่วมทุนระหว่าง SCG Chemicals และ Mitsubishi Chemical จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีคุณสมบัติความใส ความแข็งแรง และความทนทานที่เหนือกว่าอะคริลิคทั่วไป



สรุป

ไม่ว่าจะเป็นงานก่อสร้าง งานออกแบบ หรือแม้กระทั่งงานศิลปะ แผ่นอะคริลิค ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นทั้งความโปร่งใส ความแข็งแรง และความสะดวกในการใช้งาน หากคุณต้องการวัสดุที่มีประสิทธิภาพและสามารถนำไปปรับใช้ได้หลากหลาย ลองพิจารณา อะคริลิค ดูสักครั้ง แล้วคุณจะพบว่าเป็นวัสดุที่เปลี่ยนแปลงการสร้างสรรค์ผลงานของคุณ
37
+ข่าวสารอัพเดท / ริ้วรอย (Wrinkles, lines, rhytids, folds) หมายถึงอะไร
« กระทู้ล่าสุด โดย febru เมื่อ พฤษภาคม 16, 2025, 11:04:40 AM »
ริ้วรอย คือ สภาพของผิวซึ่งมีรอยพับเป็นเส้น เป็นร่องบนผิวหนัง โดยธรรมชาติแล้ว คนเราจะเริ่มมีริ้วรอยเพิ่มมากขึ้นตามวัย เพราะเกิดจากโครงสร้างของผิวเสื่อมสภาพตามอายุที่เพิ่มขึ้น ช่วงอายุแตกต่างกันไปตามลักษณะพันธุกรรม การดูแลผิว และพฤติกรรมในการใช้ชีวิต ผู้ที่พักผ่อนน้อย ดูแลสุขภาพไม่ดี มีเรื่องเครียด ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ หรือตากแดดโดยไม่ป้องกันผิว ก็อาจจะเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ง่ายกว่าคนในวัยเดียวกันที่ใส่ใจดูแลผิวและสุขภาพ

   เมื่อเริ่มเกิดริ้วรอยขึ้นแล้ว หากปล่อยทิ้งไว้ไม่ดูแลรักษา ริ้วรอยต่าง ๆ ก็มักจะพัฒนาต่อเนื่องจากตื้น จนกลายเป็นร่องลึกและเห็นเป็นริ้วรอยถาวร แก้ไขได้ลำบากในที่สุด



ริ้วรอยแบ่งเป็นชนิดไหนได้บ้าง และวิธีแก้ไข
ริ้วรอยที่เป็นร่องตื้น ๆ (fine lines, rhytids)
   เป็นริ้วรอยที่มักเกิดในบริเวณที่ผิวเริ่มเสื่อมสภาพ ขาดcollagen และ elastin มักพบในพื้นที่ที่ผิวบอบบาง ขาดการบำรุง มีความชุ่มชื้นไม่เพียงพอ เช่น บริเวณรอบดวงตา ริมฝีปาก
   การแก้ไข มักใช้เครื่องมือทางการแพทย์เพื่อ rejuvenation ทำทรีตเม้นต์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น รวมไปถึงการใช้ตัวยา เช่น hydrodelux, exosome เพื่อกระตุ้นการสร้าง collagen

ริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า (dynamic lines)
   เป็นริ้วรอยที่เกิดขึ้นเมื่อมีการแสดงสีหน้า เกิดจากการขยับของกล้ามเนื้อบนใบหน้า เช่น การขมวดคิ้ว เลิกหน้าผาก ซึ่งเมื่อมีการขยับซ้ำ ๆ ทำบ่อย ๆ ก็จะทำให้ผิวหนังชั้นบนที่ถูกพับตามรอยกล้ามเนื้อถูกเร่งให้เสื่อมสภาพได้ง่าย และสามารถพัฒนาไปเป็นริ้วรอยถาวรได้
   การแก้ไข ทำได้โดยการใช้ Botulinum Toxin (BOTOX) เพื่อช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อในบริเวณที่มีปัญหา ทำให้กล้ามเนื้อขยับได้น้อยลงในตำแหน่งที่เหมาะสม

ริ้วรอยถาวร (static lines)
   เป็นริ้วรอยที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของผิวหนัง เป็นส่วนที่มี collagen และ elastin ในผิวลดน้อยลง ขาดความยืดหยุ่น ทำให้มองเห็นเป็นเส้นร่องลึก เห็นได้ชัดเจนโดยไม่ต้องแสดงสีหน้า
   แก้ไขโดยการใช้เครื่องมือแพทย์เพื่อช่วยในการฟื้นฟูคุณภาพผิว เน้นไปที่ผิวบน เช่น การใช้ Needle RF ร่วมกับตัวยาที่ช่วยกระตุ้นการสร้าง collagenในการรักษา

ริ้วรอยร่องพับ (folds)
   เป็นริ้วรอยที่เกิดจากความหย่อนคล้อยของผิวบนใบหน้า ทำให้ผิวหย่อนลงมาจนเกิดร่องพับ เช่น ร่องแก้ม ร่องข้างมุมปาก
   แก้ไขโดยใช้เครื่องมือแพทย์เพื่อยกกระชับหน้า ทำให้ผิวที่หย่อนคล้อยมีความแน่น และยกโครงสร้างหน้าให้ดีขึ้น อาจใช้ควบคู่กับการปรับรูปหน้าด้วย filler เพื่อแก้ไขปัญหาร่องพับที่ลึกมาก

การป้องกัน
1.   ใช้ครีมบำรุงผิวที่เน้นให้ความชุ่มชื้นอย่างสม่ำเสมอ ป้องกันไม่ให้ผิวแห้ง เพราะผิวที่ขาดน้ำจะเกิดริ้วรอยได้ง่ายกว่า
2.   ทาครีมกันแดด เมื่อต้องเผชิญกับรังสี UV เนื่องจาก ในแสงแดดและแสงจ้าจากไฟ spotlight มีรังสี UVA ซึ่งจะทำลายทำให้เซลล์เราเสื่อมสภาพได้ง่าย
3.   งดการสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะยิ่งทำให้ผิวขาดน้ำ และมีสารอนุมูลอิสระที่เร่งให้เกิดความเสื่อมของเซลล์ได้ง่าย
4.   พักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง เข้านอนเป็นเวลา เพื่อให้ hormone ที่ช่วยยับยั่งความชรา สร้างและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
5.   ทานอาหาร หรือsupplement ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์

38
หากเราวางแผนชีวิตไว้ดีเช่นไร ในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤตกับสภาพเศรษฐกิจในครอบครัว ปัญหาหนึ่งคือการขาดสภาพคล่องจำนวนเงินและภาระค่าใช้ต่างๆ หากวันหนึ่งประสบปัญหาทางการเงินจนทำให้จ่ายค่าเบี้ยประกันสุขภาพไม่ไหว ทางเลือกต่อไปนี้จะช่วยให้เรายังคงได้รับความคุ้มครองตามสัญญาประกันชีวิต (ขึ้นอยู่กับประเภทและเงื่อนไขของกรมธรรม์) แม้เงื่อนไขอาจต้องเปลี่ยนแปลงไปบ้างสำหรับบางกรณี

1. ชำระเบี้ยประกันในระยะเวลาผ่อนผัน
   ผู้ซื้อประกันชีวิตหลายคนไม่ทราบข้อกำหนดเรื่องระยะเวลาผ่อนผันการชำระเบี้ย 31 วัน นับตั้งแต่วันที่ครบกำหนดชำระเบี้ย ดังนั้น  หากถึงกำหนดชำระแล้วยังมีเงินไม่เพียงพอ  แต่จะสามารถหาเงินมาได้ครบจำนวนทันเวลาดังกล่าว การเลื่อนชำระตามกำหนดมาเป็นช่วงระยะเวลาผ่อนผันก็นับเป็นวิธีแก้ไขปัญหาที่ดี ซึ่งในระหว่างระยะเวลาผ่อนผันกรมธรรม์ยังคงมีผลบังคับ และถ้าระหว่างนั้นเราเสียชีวิต บริษัทจะหักเบี้ยประกันที่ยังไม่ได้จ่ายออกจากทุนประกันชีวิต สิ่งสำคัญคือ ต้องระวังไม่ปล่อยให้พ้นระยะเวลาผ่อนผันถ้าเลยเวลาแล้ว แต่กรมธรรม์ยังมีมูลค่าเวนคืน (คือ เมื่อชำระเบี้ยประกันตั้งแต่ 2 หรือ 3 ปี ขึ้นไป)  กรมธรรม์จะมี “มูลค่าเวนคืน” เป็นจำนวนเงินตามจำนวนที่กำหนดไว้ในตารางมูลค่ากรมธรรม์ ซึ่งเราสามารถขอยกเลิกกรมธรรม์เพื่อรับเงินค่าเวนคืนจากบริษัทได้ แต่จะทำให้ความคุ้มครองทั้งหมดสิ้นสุดลง) บริษัทจะนำมูลค่าเวนคืนมาใช้ในการแก้ไขปัญหาการไม่ชำระเบี้ยประกันของเรา เช่น เปลี่ยนเป็นกรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จหรือเป็นกรมธรรม์แบบขยายเวลาตามข้อ 5 หรือชำระเบี้ยอัตโนมัติตามข้อ 6 ที่จะ กล่าวถึงต่อไป แต่ถ้ากรมธรรม์ไม่มีมูลค่าเวนคืน กรมธรรม์จะขาดอายุและสิ้นผลบังคับ



2. ขอเปลี่ยนงวดการชำระเบี้ยประกัน
   หากประเมินสถานการณ์แล้วว่า จะหาเงินก้อนมาชำระค่าเบี้ยรายปีไม่ทันระยะเวลาผ่อนผันตามข้อ 1 
หรือเก็บเงินก้อนไม่สำเร็จ แต่ยังคงมีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ การเปลี่ยนจากชำระเงินคราวเดียวเป็นก้อนใหญ่รายปี (ราย 12 เดือน) มาเป็นแบ่งชำระ
ทุกเดือน ทุก 3 เดือน หรือ 6 เดือน ก็อาจเป็นทางออกให้เรา แต่วิธีนี้มีข้อเสียคือค่าเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายเมื่อรวมทุกงวดในรอบปีเดียวกันจะสูงกว่า
การชำระ เบี้ยเป็นรายปี ยิ่งแบ่งงวดการชำระมากเท่าไหร่ ค่าเบี้ยประกันโดยรวมจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย จึงควรไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจเปลี่ยนงวดการชำระ

3. ลดจำนวนเงินเอาประกันภัยลง
          หากมองไปในอนาคตแล้วเห็นว่าเบี้ยประกันที่จ่ายอยู่จะเป็นภาระที่มากเกินไปในระยะยาวหรือเห็นว่าจะชำระไม่ไหว การลดจำนวนเงินเอาประกันลงก็จะช่วยให้เบี้ยประกันที่ต้องจ่ายลดลง โดยจำนวนเงินเอาประกันที่ขอลดต้องไม่ต่ำกว่าทุนประกันขั้นต่ำที่กำหนด และต้องไม่มีหนี้กับบริษัทประกันชีวิตนั้นขณะขอลดทุนประกัน

4. เปลี่ยนแบบกรมธรรม์
          เราสามารถขอเปลี่ยนแบบประกันภัยเป็นแบบอื่นตามที่บริษัทกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขไว้ หากมีระบุไว้ในกรมธรรม์หรือได้รับความเห็นชอบจากบริษัท และหากมีส่วนต่างของเบี้ยประกันหรือเงินค่าเวนคืนกรมธรรม์ บริษัทจะคืนเงินให้หลังหักด้วยหนี้สินที่มี หรือเก็บเงินเพิ่มแล้วแต่กรณี แต่ต้องไม่ลืมที่จะพิจารณาก่อนว่าประกันแบบใหม่นั้นตรงตามความต้องการของตัวเองหรือไม่

5. เปลี่ยนเป็น “กรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จ” หรือเป็น “กรมธรรม์แบบขยายเวลา”
          หากคิดแล้วว่าจากนี้ไปจะต้องตัดรายจ่ายค่าเบี้ยประกันออกอย่างถาวรหรือไม่สามารถชำระได้อีก แต่ได้ชำระเบี้ยประกันจนมีมูลค่าเวนคืนกรมธรรม์และกรมธรรม์ยังมีผลบังคับ เรามีสิทธิขอเปลี่ยนเป็นกรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จหรือเป็นกรมธรรม์แบบขยายเวลา สำหรับทั้ง 2 วิธีนี้ ผู้เอาประกันจะไม่ต้องชำระเบี้ยประกันอีกต่อไป แต่ความคุ้มครองของสัญญาเพิ่มเติมที่แนบท้ายกรมธรรม์ก็จะสิ้นสุดลง ซึ่งบริษัทจะนำค่าเวนคืนกรมธรรม์มาคำนวณเป็นเบี้ยประกันภัยชำระครั้งเดียวเพื่อซื้อกรมธรรม์ใหม่ ได้ 2 แบบที่เหมาะกับเรา คือ (1) ระยะเวลาเท่าเดิมแต่เงินเอาประกันลด เรียกว่ากรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จ หรือ (2) เงินเอาประกันเท่าเดิม ระยะเวลาลด เรียกว่ากรมธรรม์ขยายเวลา (คือขยายเวลาต่อไปจากวันที่ใช้สิทธิ ตามจำนวนปีและวันที่ระบุ)

6. นำมูลค่าเวนคืนมาชำระเบี้ยประกันภัยโดยอัตโนมัติ
          เมื่อถึงกำหนดวันสิ้นสุดระยะเวลาผ่อนผันชำระเบี้ยประกัน แล้วยังไม่ได้จ่ายเบี้ยประกัน และไม่ได้ใช้สิทธิตามข้อ 5 บริษัทจะนำมูลค่าเวนคืนในกรมธรรม์มาชำระเบี้ยประกันโดยอัตโนมัติในลักษณะของการกู้ยืม ซึ่งคิดดอกเบี้ยทบต้นในอัตราดอกเบี้ยที่ระบุในกรมธรรม์และบวกเพิ่มดอกเบี้ยอีกร้อยละ 2 ต่อปี โดยมีเงื่อนไขว่าถ้ามูลค่าเวนคืนเพียงพอจ่ายเบี้ยประกัน บริษัทจะกู้ยืมไปเรื่อย ๆ ทุกปี จนกว่ามูลค่าจะเหลือไม่พอ แต่ถ้ามูลค่าเวนคืนไม่พอจ่ายเบี้ยประกัน บริษัทจะแปลงกรมธรรม์เดิมเป็น “กรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จ” หรือ “กรมธรรม์แบบขยายเวลา” (ข้อ 5) โดยอัตโนมัติ ส่วนการชำระคืนเงินกู้นั้น สามารถนำเงินมาจ่ายคืนได้ภายหลังพร้อมดอกเบี้ยตามที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์
39
+ข่าวสารอัพเดท / 5ประเภทของอ่างล้างหน้าในห้องน้ำ
« กระทู้ล่าสุด โดย febru เมื่อ พฤษภาคม 11, 2025, 11:42:17 PM »
ห้องน้ำสมัยใหม่ไม่ใช่แค่สถานที่ใช้สำหรับทำธุระส่วนตัวแล้วออกไปเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่ที่ช่วยให้เราสามารถเริ่มต้นและจบวันด้วยความรู้สึกดี ซึ่งหมายความว่าห้องน้ำไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของการใช้งานเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงความสะดวกสบายและความสวยงาม การเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสมจึงสามารถช่วยเสริมทั้งสองด้านนี้ได้ และในบรรดาอุปกรณ์เหล่านี้ อ่างล้างหน้าห้องน้ำก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง มีอ่างล้างหน้าห้องน้ำหลายประเภท ซึ่งแต่ละแบบก็มีข้อดีเฉพาะด้านในเรื่องของสไตล์และการใช้งาน

    1.อ่างล้างหน้าติดผนัง (Wall-Hung Basins)
    เหมาะสำหรับ: ห้องน้ำสมัยใหม่ขนาดกะทัดรัด ที่ต้องการใช้พื้นที่บนพื้นให้มากที่สุด
อ่างล้างหน้าติดผนังจะถูกติดตั้งโดยตรงกับผนัง ทำให้พื้นด้านล่างว่างเปล่า การออกแบบนี้ไม่เพียงแต่ให้ลุคที่ดูเรียบหรูและร่วมสมัย แต่ยังช่วยเพิ่มพื้นที่ว่างด้านล่างให้สามารถใช้งานได้ดีขึ้น อ่างล้างหน้าประเภทนี้เหมาะกับห้องน้ำขนาดเล็กหรือห้องแต่งตัวที่มีพื้นที่จำกัด นอกจากนี้ ยังเป็นอุปกรณ์ที่สามารถปรับใช้ร่วมกับเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ได้หลากหลาย หรือใช้เป็นชิ้นเดียวก็ได้ขึ้นอยู่กับพื้นที่และความชอบของแต่ละคน

    2.อ่างล้างหน้าบนเคาน์เตอร์ (Countertop Basins)
    เหมาะสำหรับ: ห้องน้ำที่มีพื้นที่เคาน์เตอร์กว้าง มักพบในห้องน้ำขนาดใหญ่หรือห้องน้ำหลัก
วางอยู่บนตู้เฟอร์นิเจอร์หรือเคาน์เตอร์ อ่างล้างหน้าประเภทนี้มีชื่อเสียงในด้านความสวยงามและความทันสมัย เป็นจุดศูนย์กลางที่น่ามองในห้องน้ำ มีหลายรูปทรงและวัสดุให้เลือก ทำให้สามารถปรับแต่งให้เข้ากับสไตล์และรสนิยมได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ ยังมีความยืดหยุ่นในการติดตั้ง เข้ากันได้ดีกับเฟอร์นิเจอร์ห้องน้ำหลากหลายแบบ



    3.อ่างล้างหน้าแบบฝังใต้เคาน์เตอร์ (Undercounter Basins)
    เหมาะสำหรับ: ห้องน้ำที่ต้องการความเรียบเนียนและสะอาดเป็นพิเศษ
อ่างล้างหน้าประเภทนี้มักติดตั้งใต้เคาน์เตอร์เพื่อให้ได้รูปลักษณ์ที่เรียบเสมอกันและไร้รอยต่อ อ่างจะมองไม่เห็นจากด้านบน เหลือไว้เพียงขอบและภายในเท่านั้น เป็นตัวเลือกยอดนิยมในกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบความมินิมอลและความเรียบร้อย อ่างล้างหน้าประเภทนี้ง่ายต่อการทำความสะอาดและดูแลรักษา ช่วยเสริมความเรียบร้อยและความสวยงามให้กับดีไซน์ห้องน้ำ

    4.อ่างล้างหน้าฝังครึ่งเคาน์เตอร์ (Semi-Recessed Basins)
    เหมาะสำหรับ: ห้องน้ำที่มีพื้นที่จำกัดแต่ยังต้องการความสวยงามของอ่างบนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า
อ่างล้างหน้าฝังครึ่งเคาน์เตอร์เป็นการผสมผสานระหว่างอ่างบนเคาน์เตอร์และอ่างแบบติดตั้งเข้าไปในเคาน์เตอร์ บางส่วนของอ่างจะตั้งอยู่บนพื้นผิวเคาน์เตอร์ โดยส่วนหน้าของอ่างจะยื่นออกมานอกขอบ การออกแบบนี้ให้ประโยชน์ของอ่างบนเคาน์เตอร์ในขณะที่ช่วยประหยัดพื้นที่บนเคาน์เตอร์ เป็นทางเลือกที่ดีในห้องน้ำที่มีข้อจำกัดด้านพื้นที่ แต่ยังคงต้องการความสวยงามและความสะดวกในการใช้งาน

    5.อ่างล้างหน้าแบบขาตั้ง (Pedestal Sinks)
    เหมาะสำหรับ: การออกแบบห้องน้ำแบบคลาสสิกและดั้งเดิมที่พบได้ในบ้านเก่า
อ่างล้างหน้าประเภทนี้ประกอบด้วยอ่างที่ติดตั้งบนแท่นเสา ซึ่งช่วยสร้างลุคคลาสสิกและไม่มีวันตกยุคได้อย่างลงตัว กระบอกเสาช่วยซ่อนท่อน้ำและสายไฟ ทำให้ห้องน้ำดูเรียบร้อยและสวยงาม มีดีไซน์ที่หลากหลาย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเพิ่มความวินเทจหรือความคลาสสิกให้กับห้องน้ำ

การเลือกใช้อ่างล้างหน้าที่เหมาะสมสามารถเพิ่มความสวยงามและความสะดวกสบายให้กับห้องน้ำได้อย่างมาก ลองพิจารณาเลือกตามพื้นที่และสไตล์ที่ต้องการ เพื่อสร้างห้องน้ำในแบบที่เป็นตัวเองที่สุด

40
ผิวหน้ามีริ้วรอย หย่อนคล้อยเป็นสัญญาณแห่งวัยที่หลีกเลี่ยงได้ยาก แต่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะชะลอและฟื้นฟู สาเหตุของผิวหน้าหย่อนคล้อยคืออะไร และมีวิธีบำรุงรักษาอย่างไรให้ผิวกลับมาดูอ่อนเยาว์อีกครั้ง
เมื่อกาลเวลาผ่านไป สัญญาณแห่งวัยก็เริ่มปรากฏขึ้น หนึ่งในปัญหาที่สร้างความกังวลใจให้กับหลายๆ คนคือ "ผิวหน้าหย่อนคล้อย" ไม่ว่าจะเป็นแก้มที่ดูไม่กระชับ คางสองชั้นที่เริ่มเห็นชัด หรือริ้วรอยที่ปรากฏตามจุดต่างๆ ปัญหาเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อความมั่นใจและภาพลักษณ์โดยรวม

ผิวหน้าหย่อนคล้อยเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ทั้งที่ควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ ดังนี้:
    อายุที่เพิ่มขึ้น: เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินได้น้อยลง ซึ่งเป็นโครงสร้างสำคัญที่ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นและกระชับ
    แสงแดด: รังสี UV จากแสงแดดทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
    การแสดงสีหน้าซ้ำๆ: การยิ้ม ขมวดคิ้ว หรือหรี่ตาซ้ำๆ เป็นเวลานาน ทำให้เกิดริ้วรอยร่องลึกและผิวหย่อนคล้อยได้
    การสูบบุหรี่: สารนิโคตินในบุหรี่ทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวดูแก่กว่าวัย
    การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว: การสูญเสียน้ำหนักอย่างรวดเร็วอาจทำให้ผิวไม่มีเวลาปรับตัว ทำให้เกิดความหย่อนคล้อย
    พันธุกรรม: บางคนอาจมีแนวโน้มที่จะมีผิวหย่อนคล้อยเร็วกว่าคนอื่นเนื่องจากพันธุกรรม



วิธีบำรุงรักษาและชะลอผิวหน้าหย่อนคล้อย
แม้ว่าเราจะไม่สามารถหยุดยั้งกระบวนการชราตามธรรมชาติได้ แต่เราสามารถชะลอและฟื้นฟูยกกระชับหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้นได้ด้วยวิธีการบำรุงที่ถูกต้องและสม่ำเสมอ:

    การดูแลผิวด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสม:
        ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอยด์ (Retinoids): ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ลดริ้วรอย และปรับสภาพผิว
        ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซี (Vitamin C): เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
        ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid): ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ดูอิ่มฟู และลดริ้วรอยตื้นๆ
        ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเปปไทด์ (Peptides): ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น
        ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไนอะซินาไมด์ (Niacinamide): ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว ลดการอักเสบ และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ

ทางเลือกอื่นๆ สำหรับการยกกระชับผิว (ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ):
หากปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อยมีความรุนแรง และการบำรุงด้วยผลิตภัณฑ์เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ อาจพิจารณาทางเลือกอื่นๆ ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่คลินิก เช่น:
    การทำเลเซอร์ยกกระชับ: เลเซอร์บางชนิดสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและยกกระชับผิวได้
    การทำอัลตราซาวด์ยกกระชับ (Ultrasound Lifting): เป็นการใช้พลังงานอัลตราซาวด์เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวที่ลึกขึ้น
    การทำคลื่นวิทยุ (Radiofrequency - RF): เป็นการใช้พลังงานคลื่นวิทยุเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและยกกระชับผิว
    การฉีดฟิลเลอร์ (Fillers): ใช้เพื่อเติมเต็มริ้วรอยร่องลึก และช่วยยกกระชับผิวในบางบริเวณ
    การร้อยไหม (Thread Lifting): เป็นการใช้ไหมทางการแพทย์สอดเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อยกกระชับผิว
    การผ่าตัดดึงหน้า (Facelift Surgery): เป็นวิธีการที่ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุด แต่ก็มีความเสี่ยงและระยะเวลาพักฟื้นที่ยาวนานกว่า
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 10