กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้

หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7 ... 10
41
+ข่าวสารอัพเดท / 5 ความเชื่อเดิมๆ เกี่ยวกับการทำประกันชีวิต
« กระทู้ล่าสุด โดย febru เมื่อ พฤษภาคม 06, 2025, 05:20:51 PM »

ประกันออนไลน์ การวางแผนชีวิตและการวางแผนด้านสุขภาพของคนในสังคมปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การดูแลสุขภาพการกิน การออกกำลังกาย ไปจนถึงการสร้างหลักประกันให้สุขภาพ แต่ก็ยังมีคนจำนวนไม่น้อยมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว
ถ้าใครได้เข้ามาอ่านบทความนี้ มาเปลี่ยน 5 ความเชื่อเดิมๆ เป็นการสร้างแนวคิดใหม่เกี่ยวกับการทำประกันสุขภาพกัน

มาเริ่มกันที่ความเชื่อแรก “แข็งแรงอยู่แล้ว ไม่ต้องทำประกันสุขภาพ”
เป็นความเชื่อที่ผิดอย่างมาก เพราะความเป็นจริงคนที่มีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีประวัติการเจ็บป่วย จะได้รับการพิจารณาจากบริษัทประกันได้ง่ายกว่า แต่ในทางกลับกันหากเรามีสุขภาพที่ไม่แข็งแรงและเคยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลด้วยโรคต่างๆ บริษัทประกันอาจนำข้อมูลส่วนนี้มาพิจารณาเพิ่มเติม ทำให้การทำประกันนั้นยากขึ้น หรือ อาจจะไม่รับไปกันเลยก็ได้



ความเชื่อที่สอง “ประกันสวัสดิการที่ได้จากบริษัท เพียงพอแล้ว”
อย่าพึ่งชะล่าใจไปค่ะ เนื่องจากแต่ละบริษัทมีมาตรการความคุ้มครองสุขภาพของพนักงานที่แตกต่างกันออกไป บางที่ให้การคุ้มครองรอบด้าน แต่บางองค์กรนั้น อาจมีความคุ้มครองที่ไม่ครอบคลุม หรือเพียงพอกับค่ารักษาพยาบาล และต้องไม่ลืมว่าเราไม่ได้ทำงานที่นั้นตลอดไป อีกทั้งการเจ็บป่วยสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรละเลยการพิจารณาการทำประกันแบบส่วนบุคคลติดตัวไว้

ความเชื่อที่สาม “อายุยังน้อย ประกันไม่จำเป็น”
ในขณะที่เราอายุยังไม่มากนัก มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงจึงคิดว่าการทำประกันเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น ทั้งที่ความเป็นจริงการทำประกันคือการบริหารความเสี่ยงในทุกๆ ด้านที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะยิ่งอายุมากความเสี่ยงก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งการทำประกันในขณะที่อายุยังน้อยมีข้อได้เปรียบสูง ทั้งค่าเบี้ยที่ถูกกว่าคนทำประกันในอายุที่มากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้มีเงินสำรองในการรักษาพยาบาลยามฉุกเฉินในอนาคตได้

ความเชื่อที่สี่ “ไม่จำเป็นต้องทำประกันบำนาญ” 
รู้หรือไม่ว่าการมีทางเลือกของแผนประกันบำนาญเป็นเรื่องที่เราควรเตรียมความพร้อมไว้ตั้งแต่อายุยังน้อย เพื่อให้มีค่าใช้จ่ายไว้ดูแลตัวเองในยามที่เกษียณอายุ อีกทั้งหากเราเริ่มทำประกันบำนาญตั้งแต่เนิ่นๆ นอกจากจะชำระเบี้ยในอัตราที่น้อยกว่า ยังอาจเป็นหนึ่งทางเลือกดีๆ ให้เกษียณอายุก่อนกำหนดได้อีกด้วย นอกจากจะได้เก็บเงินเพื่ออนาคตของคุณแล้ว ประกันบำนาญยังลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 300,000 บาทอีกด้วย

ความเชื่อที่ห้า “โรคร้ายแรงเป็นเรื่องไกลตัว”
อันนี้คิดผิดคิดใหม่ได้เลย เพราะทุกวันนี้โลกเราเต็มไปด้วยสารเคมีและมลภาวะอันก่อให้เกิดโรคร้ายไม่ว่าจะเป็น  โรคมะเร็ง โรคปอด โรคหัวใจ และอื่นๆ อีกมากมาย ดังนั้นโรคร้ายล้วนเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเป็นอย่างมาก เราไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายที่เคยแข็งแรง ดังนั้นการมีประกันสุขภาพไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ จึงเป็นเรื่องที่ดีที่สุดเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตที่คุณไม่อาจคาดเดาได้ ประกันสุขภาพที่ไหนดี

จากเหตุการณ์การแพร่ระบาดของเชื่อไวรัสต่างๆที่ผ่านมา ก็ทำให้คุณมองเห็นในส่วนหนึ่งแล้วว่า โรคภัยต่างๆไม่ได้อยู่ไกลตัวคุณเลย รวมถึงการเจ็บป่วย สถิติของผู้ป่วยโรคร้ายที่สูงขึ้นในแต่ละวัน ประกันชีวิตและประกันสุขภาพจึงมีความจำเป็นอย่างมากในปัจจุบันและอนาคตของคุณ ประกันชีวิตและประกันสุขภาพมีหลากหลายรูปแบบที่ออกมาให้คุณได้เลือกทำตรงตามความต้องการของคุณได้อีกด้วย

42
+ข่าวสารอัพเดท / ไอเทมรักษ์โลก ช่วยลดภาวะโลกร้อน
« กระทู้ล่าสุด โดย febru เมื่อ เมษายน 29, 2025, 04:02:51 PM »
ช่วงนี้อากาศร้อนมาก เรามาช่วยกันรักโลกให้มากขึ้นกันเถอะ ใครมีไอเทมรักษ์โลกเด็ด ๆ ปัง ๆ อยากป้ายยาคอมเมนต์เสนอไอเทมมาเลย



ในยุคที่เราเผชิญกับปัญหาภาวะโลกร้อน การช่วยเหลือโลกและดูแลสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่สำคัญและเราทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ง่ายๆ ผ่านการใช้ไอเทมรักษ์โลก ที่ไม่เพียงแต่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นการส่งเสริมวิถีชีวิตที่ยั่งยืนด้วย.

1. ถุงผ้า
การใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติกเป็นหนึ่งในวิธีง่ายๆ ที่ช่วยลดขยะพลาสติกในสภาพแวดล้อมได้มาก ถุงผ้ามักมีความทนทานและสามารถใช้งานได้ซ้ำหลายครั้ง นอกจากนี้ยังเป็นการลดการผลิตถุงพลาสติกซึ่งเป็นต้นเหตุของมลพิษที่จะทำให้โลกร้อนขึ้น

2. ขวดน้ำรีฟิล
การเปลี่ยนจากการซื้อน้ำดื่มบรรจุขวดมาใช้ขวดน้ำแบบรีฟิล ช่วยลดการใช้พลาสติกขวดเดียวทิ้ง นอกจากนี้ยังเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว คุณสามารถเติมน้ำจากที่บ้านหรือสถานที่ที่มีน้ำสะอาดได้ตลอดเวลา

3. ไฟ LED
การเปลี่ยนหลอดไฟจากหลอดไส้หรือลอดฟลูออเรสเซนต์มาเป็นไฟ LED ช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่า 80% นั่นหมายถึงการลดการใช้พลังงานจากแหล่งที่ผลิตพลังงานที่มักมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

4. แผ่นทำความเย็นจากธรรมชาติ
สำหรับผู้ที่ต้องการคงความเย็นภายในบ้านในช่วงฤดูร้อน การใช้แผ่นทำความเย็นจากธรรมชาติ เช่น แผ่นหวายหรือแผ่นเซรามิค สามารถลดการใช้เครื่องปรับอากาศได้ ช่วยประหยัดไฟฟ้าและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

5. สินค้าจากวัสดุรีไซเคิล
การเลือกซื้อสินค้าที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลไม่เพียงแต่ช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ แต่ยังเป็นการสนับสนุนการผลิตที่ยั่งยืน เช่น กระดาษรีไซเคิล หรือตู้เย็นที่ทำจากวัสดุยั่งยืน

43
+ข่าวสารอัพเดท / เทคนิคการเลือกซื้อประกันสำหรับทุกวัย
« กระทู้ล่าสุด โดย febru เมื่อ เมษายน 28, 2025, 02:27:49 PM »
หากพูดถึงการซื้อประกัน คงฟังดูเป็นขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อน ไหนจะการเลือกแผนประกัน ไหนจะต้องพิจารณาค่าเบี้ย แล้วไหนจะเงื่อนไขมากมายที่ต้องทำความเข้าใจ จึงไม่แปลกที่หลายคนจะยังไม่ตกลงปลงใจที่จะซื้อประกันชีวิต เสียชีวิตทุกกรณี ประกันสุขภาพ หรือ ประกันอุบัติเหตุ ให้กับตัวเองสักที
แต่หากพูดถึงความสำคัญแล้ว การมีประกันก็เหมือนการมีแผนสำรองที่ดีในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดต่างๆ เช่น อุบัติเหตุร้ายแรง โรคภัยไข้เจ็บที่อาจจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว และถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนทุกเพศทุกวัย ตราบใดที่คุณไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันพรุ่งนี้

เทคนิคการเลือกซื้อประกัน ด้วยการพิจารณาความเหมาะสมตามช่วงวัย
วันนี้เราจึงขอแนะนำ เทคนิคการเลือกซื้อประกันสำหรับทุกวัย พิจารณาความเหมาะสมตามช่วงวัย พร้อมข้อมูลที่จะช่วยให้คุณสามารถเลือกแผนประกันที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของตัวเอง และคนรอบตัวที่คุณรักอีกด้วย

ประกันสำหรับ วัยเด็ก (0 - 20 ปี)
    ในช่วงวัยนี้ประกันที่ตอบโจทย์มากที่สุดคือ ประกันสุขภาพ และ ประกันอุบัติเหตุ เพราะคุณคงถือเป็นวัยรุ่น วัยใส วัยบ้าบิ่น ที่คุณพ่อคุณแม่รู้สึกเป็นกังวลเป็นพิเศษ ทั้งปัญหาการเจ็บป่วย และอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน ดังนั้นการเลือกซื้อประกันสุขภาพควบคู่ไปกับประกันอุบัติเหตุ ก็จะช่วยให้คุณกล้าออกไปเผชิญโลกกว้าง เรียนรู้การใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ และช่วยทำให้คนทางบ้านที่เป็นห่วงคุณอยู่รู้สึกอุ่นใจมากยิ่งขึ้น
 


ประกันสำหรับ วัยเริ่มทำงาน (21 - 30 ปี)
    แน่นอนว่าช่วงวัยทำงานตอนต้น (First Jobber) สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการสร้างเนื้อสร้างตัว เพื่อให้มีฐานะที่มั่นคงในอนาคต ดังนั้นจึงควรเลือก ประกันออมทรัพย์ และ ประกันอุบัติเหตุ เพราะจะเป็นผู้ช่วยที่ดีในการวางแผนการใช้จ่าย ช่วยให้คุณสามารถเก็บเงินก้อนได้ตามเป้าหมาย และ ยังมีประกันอุบัติเหตุที่จะช่วยดูแลค่ารักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วย และยังมีค่าชดเชยต่างๆ อีกมากมาย

ประกันสำหรับ วัยสร้างครอบครัวและมีบุตร (31 - 50 ปี)
    เป็นช่วงวัยที่คุณเริ่มมีคนสำคัญในชีวิตให้ต้องดูแล การสร้างครอบครัวและวางแผนจะมีเจ้าตัวน้อยก็คงต้องมีการเตรียมความพร้อมไว้อย่างดี ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ หรือ ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา จึงเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์มากที่สุด เพราะเป็นประกันที่เบี้ยไม่สูง และคุ้มครองตามระยะเวลาที่สามารถเลือกได้ เป็นอีกหนึ่งแผนสำรองหากเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นกับคุณ ก็ไม่ต้องกังวลว่าคนที่อยู่ข้างหลังจะต้องลำบาก

 ประกันสำหรับ วัยเกษียณ (51 ปีขึ้นไป)
    ผู้สูงอายุในวัยเกษียณ เป็นวัยที่อาจมีความเสี่ยงสูงที่จะต้องเจอกับโรคภัยไข้เจ็บมากที่สุด การมีประกันสุขภาพผู้สูงอายุ ที่ครอบคลุมโรคยอดฮิตรวมถึงโรคร้ายแรง และ วงเงินการคุ้มครองคุ้มค่า ก็จะช่วยให้คุณป้องกันความเสี่ยง และยังสามารถสนุกกับการใช้ชีวิตและอยู่กับคนในครอบครัวได้อย่างอุ่นใจ

ถึงแม้ว่าในแต่ละช่วงวัยจะมีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาก็คืออุบัติเหตุในชีวิตประจำวัน ดังนั้นการมีประกันอุบัติเหตุคู่ใจที่จะช่วยดูแลความยุ่งยากต่างๆ ทั้งคุ้มครองคุ้มค่าและชดเชยเต็มที่ ก็นับเป็นสิ่งที่จำเป็นกับคนทุกวัยด้วยเช่นกัน

44
+ข่าวสารอัพเดท / ซื้อประกันสุขภาพ สิ่งสำคัญที่คุณควรรู้
« กระทู้ล่าสุด โดย febru เมื่อ เมษายน 24, 2025, 07:07:31 PM »
ในยุคปัจจุบัน การดูแลสุขภาพกำลังเป็นสิ่งที่ทุกคนให้ความสำคัญ เนื่องจากโรคภัยไข้เจ็บสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา การซื้อประกันสุขภาพจึงกลายเป็นทางเลือกที่เหมาะสมและจำเป็นสำหรับผู้คนหลายคนในปัจจุบัน ไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับการซื้อประกันสุขภาพ และเหตุผลที่ควรพิจารณาในการทำประกันสุขภาพให้กับตัวเองและครอบครัว

1. ทำไมต้องซื้อประกันสุขภาพ

การซื้อประกันสุขภาพช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณจะได้รับการดูแลที่ดีที่สุดเมื่อเจ็บป่วย โดยประกันสุขภาพจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งปัจจุบันค่ารักษาพยาบาลมีแนวโน้มที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีเหตุผลอื่น ๆ ที่ควรพิจารณา ได้แก่:

    การดูแลสุขภาพที่ดี: คุณจะได้รับการเข้าถึงการรักษาที่ทันท่วงทีและมีคุณภาพ
    ลดหย่อนภาษี: ค่าเบี้ยประกันสุขภาพสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ ช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
    ความสบายใจ: ทำให้คุณมีความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล




2. ประเภทของประกันสุขภาพ

การประกันสุขภาพมีหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทอาจมีข้อกำหนดและความคุ้มครองที่แตกต่างกัน ดังนี้

    ประกันสุขภาพแบบรายปี: ให้ความคุ้มครองในระยะเวลาหนึ่งปี สามารถต่ออายุได้
    ประกันสุขภาพแบบตลอดชีพ: มีความคุ้มครองระยะยาว โดยไม่จำกัดอายุ
    ประกันสุขภาพผู้ป่วยใน: คุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษาเมื่อผู้เอาประกันต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
    ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก: คุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษาที่ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล เช่น ค่าหมอ ค่ายา

3. การเลือกซื้อประกันสุขภาพ

เมื่อคุณตัดสินใจที่จะทำประกันสุขภาพ มีข้อควรพิจารณาเพื่อให้คุณได้รับความคุ้มครองที่ตรงตามความต้องการ

    ตรวจสอบความคุ้มครอง: ควรอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับความคุ้มครองที่ประกันนั้นๆ ให้ หากมีการดูแลค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคเฉพาะหรือบริการเสริม เช่น ฟิตเนสก็อาจทำให้ดีขึ้น
    เปรียบเทียบเบี้ยประกัน: เบี้ยประกันในแต่ละบริษัทอาจแตกต่างกัน ควรเปรียบเทียบราคาและความคุ้มครอง
    ตรวจสอบเงื่อนไข: อ่านเงื่อนไขและข้อยกเว้นของประกัน เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะได้รับความคุ้มครองตามที่ต้องการ
    บริการและเครือข่ายของโรงพยาบาล: ตรวจสอบว่าประกันสุขภาพที่เลือกมีเครือข่ายโรงพยาบาลที่สะดวกและเพียงพอสำหรับคุณ

ประกันสุขภาพที่ไหนดีการซื้อประกันสุขภาพเป็นการลงทุนที่สำคัญเพื่อปกป้องสุขภาพของคุณและครอบครัว ไม่ว่าคุณจะเป็นคนทำงาน หรือเป็นเพียงคนที่ต้องการมีสุขภาพดี ประกันสุขภาพจะช่วยให้คุณมีความมั่นใจในชีวิตประจำวัน เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณมีความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับการซื้อประกันสุขภาพ และช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น
45
ในบ้านของเรา วาล์วฝักบัว และ ก๊อกน้ำ เป็นอุปกรณ์ที่มีบทบาทสำคัญในการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งในการอาบน้ำ การล้างมือ และการทำความสะอาดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับน้ำ
การทำงานของอุปกรณ์เหล่านี้มีความสำคัญในการควบคุมการไหลของน้ำ เพื่อให้เราได้รับความสะดวกสบายและความปลอดภัยที่ดีที่สุด

หน้าที่หลักของก๊อกฝักบัว
1. การควบคุมน้ำไหล
วาล์วฝักบัวทำหน้าที่ควบคุมการไหลของน้ำผ่านฝักบัว น้ำร้อนไหลและน้ำเย็นสามารถถูกควบคุมได้ตามต้องการ ซึ่งช่วยให้เราสามารถอาบน้ำอย่างสะดวกสบาย
2. ระบบการผสมอุณหภูมิ
วาล์วฝักบัวที่มีคุณภาพจะมีระบบการผสมอุณหภูมิที่ทำให้ผู้ใช้งานได้รับอุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสม โดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนบ่อยๆ
3. ความปลอดภัย
การใช้วาล์วฝักบัวที่มีระบบป้องกันน้ำร้อนเกินไปจะช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกน้ำร้อนทำให้เกิดบาดแผล



หน้าที่ของก๊อกน้ำ
1. จ่ายน้ำตามต้องการ
ก๊อกน้ำทำหน้าที่ในการจ่ายน้ำได้อย่างรวดเร็วและสะดวก โดยสามารถเปิด-ปิดได้ง่ายตามต้องการ
2. ประหยัดน้ำ
ก๊อกน้ำที่มีคุณภาพมักมีเทคโนโลยีที่ช่วยในการประหยัดน้ำ ไม่ให้มีการใช้น้ำที่สูญเสียไปโดยใช่เหตุ ทำให้คุณสามารถลดค่าใช้จ่ายในบิลน้ำได้
3. การออกแบบที่ใช้งานง่าย
ก๊อกน้ำมีหลากหลายรูปแบบและการออกแบบที่ใช้งานง่าย ทำให้เข้ากับการใช้งานในแต่ละบ้านและสไตล์การตกแต่ง

หน้าที่ของก๊อกฝักบัว
1. ความสะดวกสบายในการอาบน้ำ
ก๊อกฝักบัวจะช่วยให้การอาบน้ำทำได้อย่างสะดวก โดยน้ำสามารถไหลได้อย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว
2. ประสิทธิภาพในการทำความสะอาด
ก๊อกฝักบัวมีการกระจายของน้ำที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความสะอาด ทำให้คุณสามารถล้างสบู่และแชมพูได้อย่างง่ายดาย
3. การติดตั้งที่ยืดหยุ่น
ก๊อกฝักบัวมักถูกออกแบบให้สามารถติดตั้งได้ง่ายและมีหลากหลายรูปแบบ รวมถึงการปรับความสูงตามต้องการ เพื่อให้เหมาะสมกับทุกคนในครอบครัว

วาล์วฝักบัว ก๊อกน้ำ และก๊อกฝักบัวมีหน้าที่สำคัญในการทำให้ชีวิตประจำวันของเราสะดวกสบายและปลอดภัย การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพจะช่วยให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งาน
คำแนะนำในการเลือกซื้อ
    ตรวจสอบคุณภาพ - ควรเลือกแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและรีวิวดี
    ดูวัตถุดิบ - วัสดุที่ใช้ต้องมีความทนทานต่อการใช้งาน
    พิจารณาการติดตั้ง - วาล์วฝักบัวและก๊อกน้ำควรติดตั้งง่ายและเหมาะกับสไตล์ของห้องน้ำ
การเข้าใจในหน้าที่และความสำคัญของวาล์วฝักบัว ก๊อกน้ำ และก๊อกฝักบัวจะช่วยให้คุณสามารถเลือกอุปกรณ์ที่ตอบโจทย์การใช้งานของคุณได้อย่างเหมาะสมที่สุด
46
+ข่าวสารอัพเดท / How Recruitment Agencies Transform Modern Hiring
« กระทู้ล่าสุด โดย damonshoppu เมื่อ เมษายน 21, 2025, 04:47:25 PM »
Hiring today isn’t what it used to be. With increasing competition, evolving skill demands, and changing workforce expectations, businesses are under pressure to attract top talent—fast. In this dynamic environment, partnering with a recruitment agency has become a smart and strategic move for employers seeking to modernise their hiring approach.



What Does a Recruitment Agency Do?

A recruitment agency connects employers with jobseekers, but their role is far more comprehensive than simply filling roles. From candidate sourcing and screening to interview coordination and salary negotiation, agencies streamline every stage of the recruitment process. They also bring valuable industry knowledge, helping employers hire smarter and faster.

Modern recruitment agencies go beyond CV-matching—they use technology, data insights, and market expertise to identify high-calibre candidates who align with both the job and company culture.

Faster, Smarter Hiring

Speed is one of the biggest advantages of using a recruitment agency. Leaving a role unfilled for too long can stall business operations and cost time and money. Agencies maintain large databases of ready-to-hire talent, allowing them to quickly match candidates with roles.

Their pre-screening processes reduce the burden on internal HR teams, saving time while maintaining high quality. For urgent or hard-to-fill roles, an agency’s ability to move fast can make all the difference.

Access to Better Candidates

A recruitment agency gives employers access to a wider, often higher-quality talent pool—including passive candidates who aren’t actively job-hunting but are open to new opportunities. These candidates are typically unreachable through standard job ads.

Agencies use specialised sourcing techniques, digital platforms, and referrals to tap into hidden talent networks, increasing the chances of finding ideal candidates who may not be visible through traditional means.

Industry-Specific Expertise

One of the key ways recruitment agencies transform hiring is through deep knowledge of specific sectors. Whether it’s manufacturing, tech, logistics, or life sciences, agencies understand the qualifications and experience required for success.

This expertise means they can accurately assess both technical skills and cultural fit, ensuring the candidates they recommend are aligned with the unique needs of the role and industry.

Lower Hiring Risks

A bad hire can be costly—not just in salary and onboarding costs, but in team disruption, morale, and productivity. Recruitment agencies help reduce this risk by following a structured and thorough process, including interviews, reference checks, and sometimes even skills testing.

Many agencies also offer a replacement guarantee, further minimising risk for employers and reinforcing their commitment to quality.

Supporting Employer Branding

A strong employer brand attracts better candidates. Recruitment agencies can support employer branding efforts by refining job descriptions, advising on competitive benefits, and helping position your company as a great place to work.

Some agencies even offer branding services—developing career pages, social media messaging, and value propositions to help your company stand out in a crowded hiring landscape.

Adapting to the Changing World of Work

Today’s workforce is increasingly flexible, remote, and diverse. A modern recruitment agency helps businesses adapt by offering hiring solutions for permanent, temporary, contract, or project-based roles.

They also stay updated on compliance, visa regulations, and employment law, reducing legal risks for their clients.

As hiring becomes more complex, the role of the recruitment agency is more crucial than ever. From speeding up hiring timelines to improving candidate quality and reducing hiring risks, recruitment agencies help employers compete and thrive in a fast-moving job market.

Whether you’re scaling up, replacing a key team member, or hiring in a specialist field, partnering with a recruitment agency can give your business the edge it needs to build stronger, more resilient teams.
47
+ข่าวสารอัพเดท / นวัตกรรมในการยกกระชับหน้าและลดเลือนริ้วรอย
« กระทู้ล่าสุด โดย febru เมื่อ เมษายน 21, 2025, 11:21:27 AM »
ในยุคที่ทุกคนใส่ใจเรื่องความงามและสุขภาพผิวหน้ามากขึ้น เทคโนโลยีในการดูแลผิวหน้าอย่าง HIFU (High Intensity Focused Ultrasound) และ Multipolar RF (Radio Frequency) จึงได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับหน้า ลดเลือนริ้วรอย และปรับรูปหน้าให้สวยงามขึ้น โดยในบทความนี้เราจะพูดถึงเทคโนโลยีทั้งสองอย่างนี้เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น



HIFU (High Intensity Focused Ultrasound)
HIFU เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงในการกระตุ้นผิวชั้นลึก โดยไม่ทำลายผิวชั้นบน ซึ่ง HIFU จะทำให้เกิดการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในผิว ส่งผลให้ผิวดูตึงกระชับและเรียบเนียนขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดเลือนริ้วรอยและเส้นริ้วที่เกิดจากวัยที่เพิ่มขึ้น ผู้ที่ทำการรักษาด้วย HIFU มักจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ และผลลัพธ์จะยาวนานประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี

Multipolar RF (Radio Frequency)
Multipolar RF เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นวิทยุในการกระตุ้นผิว โดยทำงานโดยการสร้างความร้อนในชั้นผิว เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินภายในผิวหนัง ทำให้ผิวหน้าดูเนียนเรียบ กระชับขึ้นและลดเลือนริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการทำ Multipolar RF จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และใช้เวลาเพียงไม่นาน ข้อดีของเทคโนโลยีนี้คือสามารถทำการรักษาได้ในระยะเวลาสั้น โดยไม่ต้องพักฟื้น

ความแตกต่างระหว่าง HIFU และ Multipolar RF
   1. กระบวนการทำงาน: HIFU ใช้คลื่นเสียงเพื่อสร้างความร้อนที่ชั้นผิวลึก ในขณะที่ Multipolar RF ใช้คลื่นวิทยุในการกระตุ้นผิวในระดับตื้นกว่า
   2. ความลึกในการทำงาน: HIFU สามารถทำงานในชั้นผิวที่ลึกกว่า ทำให้เหมาะสำหรับการยกกระชับส่วนที่ต้องการความชัดเจน ในขณะที่ Multipolar RF จะเน้นช่วยปรับผิวที่ตื้นกว่า
   3. เวลาในการเห็นผล: HIFU สามารถเห็นผลได้ชัดเจนในระยะเวลา 2-3 สัปดาห์หลังการทำ ในขณะที่ Multipolar RF ผลลัพธ์อาจใช้เวลานานกว่า

การเลือกใช้เทคโนโลยี HIFU หรือ Multipolar RF สำหรับการยกกระชับหน้าและลดเลือนริ้วรอยนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการและสภาพผิวของแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และสามารถดูแลรักษาความงามได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ควรคำนึงถึงการดูแลผิวพรรณอย่างสม่ำเสมอ ร่วมกับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมเพื่อช่วยสนับสนุนผลลัพธ์จากการรักษาด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ได้อย่างยั่งยืน
ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าทำให้การดูแลผิวหน้าและการลดเลือนริ้วรอยเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกขึ้น ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาวิธีทำให้ผิวหน้ากระชับและดูอ่อนเยาว์
48
ฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET สะดวกสบายเพียงปลายนิ้วสัมผัส
การติดตั้งชักโครกฝารองนั่งอัตโนมัติ คือ ฝารองนั่งระบบอัตโนมัติที่ติดตั้งบนโถสุขภัณฑ์ ช่วยอำนวยความสะดวกทั้งด้านการใช้งานและการทำความสะอาด โดยมาพร้อมก้านฉีดชำระอัตโนมัติ
ระบบเป่าแห้ง ระบบกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์และนวัตกรรมอื่น ๆ ที่ควบคุมผ่านรีโมทคอนโทรลหรือแผงควบคุมเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งสกปรกภายในห้องน้ำ

ถึงตรงนี้หลายคนอาจมีความรู้สึกว่าอยากเป็นเจ้าของฝารองนั่งอัตโนมัติดูบ้าง ซึ่งไม่ใช่เรื่องยุ่งยากแต่อย่างใด นอกจากต้องพิจารณาถึงฟังก์ชันและรูปแบบการใช้งานของฝารองนั่งอัตโนมัติให้ตรงใจแล้ว
สิ่งจำเป็นต้องคำนึงถึงเรื่องของการติดตั้งด้วย 4 ขั้นตอนสำคัญที่จะแนะนำในการเช็คพื้นที่ห้องน้ำ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการติดตั้งฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET

4ขั้นตอนการเช็คพื้นที่ก่อนการติดตั้งฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET

1. เช็คกระแสไฟฟ้าและตำแหน่งปลั๊ก

ฝารองนั่งอัตโนมัติเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้กระแสไฟฟ้าในการทำงาน จึงควรปรับปรุงพื้นที่และเดินสายไฟไว้ใกล้กับห้องน้ำของคุณก่อน จากตำแหน่งที่ตั้งของสุขภัณฑ์
เมื่อหันหน้าเข้าหาโถสุขภัณฑ์ตำแหน่งของปลั๊กจะต้องอยู่ทางซ้ายมือ โดยห่างจากจุดศูนย์กลางของท่อน้ำทิ้งเป็นระยะ 30 ซม. และสูงจากพื้นอย่างน้อย 30 ซม.

 
2. ต้องมีพื้นที่ว่างทั้งซ้าย และขวาของโถสุขภัณฑ์อย่างน้อย 30 ซม.

เนื่องจากฝารองนั่งอัตโนมัติอาจทำให้โถสุขภัณฑ์มีขนาดชักโครกใหญ่ขึ้นจากปกติเล็กน้อยจึงจำเป็นต้องติดตั้งในห้องน้ำที่มีพื้นที่พอสมควร
กล่าวคือควรจะมีพื้นที่ว่างด้านข้างโถสุขภัณฑ์ทั้งด้านซ้ายและด้านขวาอย่างน้อย 30 ซม. และไม่ควรมีสิ่งกีดขวางโถสุขภัณฑ์อีกด้วย

 
3. ตรวจสอบรูปทรงและขนาดของสุขภัณฑ์

การติดตั้งฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET กับโถสุขภัณฑ์เดิมที่มีอยู่ก่อนแล้ว จำเป็นต้องตรวจสอบขนาดและรูปทรงของโถสุขภัณฑ์ หากเป็นโถสุขภัณฑ์ทรง Elongated (โถสุขภัณฑ์ทรงยาว)
ต้องมีระยะรูยึดน็อตที่โถสุขภัณฑ์เพื่อติดตั้งฝารองนั่ง 14 ซม. และระยะจากรูยึดน็อตของฝารองนั่งด้านใดด้านหนึ่งถึงหม้อน้ำเป็นระยะอย่างน้อย 5 ซม.

 
4. โถสุขภัณฑ์ต้องไม่อยู่ในจุดเปียกน้ำ
ตำแหน่งที่ตั้งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมพร้อมสำหรับติดตั้งฝารองนั่งอัตโนมัติ คือ สุขภัณฑ์ห้ามตั้งอยู่ในส่วนที่เปียกน้ำ เช่น น้ำจากฝักบัว นอกจากนี้ไม่ควรใช้น้ำราดไปที่ฝารองนั่งอัตโนมัติโดยตรง
ในการทำความสะอาดชักโครก เนื่องจากฝารองนั่งอัตโนมัติเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ไฟฟ้า ด้วยเหตุนี้การติดตั้งฝารองนั่งอัตโนมัติจึงเหมาะสำหรับการออกแบบห้องน้ำที่แบ่งโซนเปียกและโซนแห้งอย่างชัดเจนเพื่อหลีกเลี่ยงน้ำจะมาโดนสุขภัณฑ์ได้
49
เมื่อพูดถึงบ้านที่อยู่อาศัย ศัตรูตัวร้ายที่คนส่วนใหญ่มักจะลืมคิดถึงคือ "ปลวก" ซึ่งแมลงเล็กๆ ชนิดนี้สามารถสร้างความเสียหายต่อบ้านของคุณได้อย่างมหาศาล โดยเฉพาะบ้านที่มีวัสดุจากไม้เป็นส่วนประกอบหลัก ด้วยเหตุนี้ระบบ ท่อปลวกบ้าน จึงกลายมาเป็นสิ่งสำคัญที่หลายครอบครัวเลือกติดตั้งตั้งแต่ขั้นตอนการก่อสร้างบ้านใหม่



ท่อปลวก คืออะไร? หลายคนอาจสงสัย เพราะปกติเราจะรู้จักเพียงวิธีการฉีดน้ำยากำจัดปลวกทั่วๆ ไป แต่ระบบท่อปลวกคือระบบท่อพลาสติกชนิดพิเศษที่ถูกออกแบบมาเฉพาะสำหรับการปล่อยน้ำยากำจัดปลวก โดยการติดตั้งระบบท่อนี้จะทำตั้งแต่ขั้นตอนก่อสร้างหรือรีโนเวทบ้าน โดยฝังลงไปใต้พื้นอาคารหรือบริเวณฐานรากของบ้าน ซึ่งจะทำให้น้ำยาสามารถกระจายตัวได้ทั่วถึงและสามารถป้องกันปลวกได้อย่างมีประสิทธ์ภาพมากขึ้น

ระบบท่อปลวก มีข้อดีที่ชัดเจนคือช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาบ้านในระยะยาว โดยระบบนี้จะช่วยให้คุณไม่จำเป็นต้องขุดพื้นหรือทำลายโครงสร้างบ้านทุกครั้งที่มีการป้องกันหรือกำจัดปลวกเพิ่มเติม เพราะสามารถเติมน้ำยาผ่านทางหัวจ่ายที่ติดตั้งไว้นอกตัวอาคารได้อย่างสะดวกสบาย

นอกจากนี้ ระบบ ท่อปลวก ยังมีประสิทธิภาพในการควบคุมและกำจัดปลวกอย่างทั่วถึง เนื่องจากสามารถปล่อยน้ำยาได้อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอผ่านท่อที่เดินไว้ใต้บ้าน ทำให้มั่นใจได้ว่าน้ำยาจะซึมเข้าสู่พื้นที่ที่ปลวกอาจเข้ามาทำรังหรือแทรกตัวอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

เมื่อพูดถึงการใช้งานจริง พบว่าบ้านที่ติดตั้งระบบท่อปลวกเป็นบ้านที่มีแนวโน้มเกิดปัญหาปลวกน้อยกว่าบ้านทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด ระบบนี้ไม่เพียงแต่ป้องกันปลวกในระยะสั้น แต่ยังเป็นการลงทุนในระยะยาวที่คุ้มค่า และช่วยรักษาสภาพบ้านให้คงอยู่ในสภาพดีได้นานหลายปี

สำหรับเจ้าของบ้านที่กำลังคิดจะสร้างบ้านใหม่หรือรีโนเวทบ้าน การติดตั้งระบบท่อปลวกบ้านตั้งแต่ต้นจะช่วยให้คุณประหยัดทั้งเงินและเวลา ลดความเสี่ยงที่บ้านจะเสียหายจากปลวกในอนาคต และที่สำคัญคือช่วยให้บ้านของคุณปลอดภัยจากแมลงตัวร้ายนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

สรุปได้ว่า ระบบท่อปลวกเป็นวิธีป้องกันและกำจัดปลวกที่มีประสิทธิภาพสูง สะดวกและปลอดภัย ช่วยลดปัญหากวนใจเกี่ยวกับปลวกได้อย่างยั่งยืน เพื่อบ้านที่แข็งแรงและคงทนของคุณในอนาคต การเลือกใช้ท่อปลวก ถือเป็นทางเลือกที่ดีเยี่ยมสำหรับทุกครอบครัวที่รักและห่วงใยบ้านของตนเอง

ติดต่อเรา

บริษัท โกลบอลทรีท จำกัด 179/52 หมู่ 3 ต.ท่าวังตาล อ.สารภี จ.เชียงใหม่ 50140

- โทร: 053325998, 0864297785, 0864297781
- เมล: gbt0025@gmail.com
- Line: @globaltreat
50
+ข่าวสารอัพเดท / ประกันชีวิต ลดหย่อนภาษี ได้สูงสุด 300000 บาท
« กระทู้ล่าสุด โดย febru เมื่อ เมษายน 11, 2025, 02:54:21 PM »
ทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดภาษี 
สร้างเงินออม...พร้อมคุ้มครองชีวิต

         ปัจจุบันผู้มีรายได้สามารถนำเบี้ยประกันชีวิต ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงสุดถึง 300,000 บาทต่อปี ซึ่งเป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับการวางแผนภาษีและเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดภาษี  สร้างเงินออม พร้อมคุ้มครองชีวิต โดยประเภทของเบี้ยประกันชีวิตที่สามารถนำเบี้ยมาลดหย่อนภาษีได้ก็มี  2 ประเภท  ได้แก่ เบี้ยประกันชีวิตแบบทั่วไป และเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ  ซึ่งมีข้อกำหนดเบื้องต้น ดังนี้



1. เบี้ยประกันชีวิตแบบทั่วไป  (กรมธรรม์อายุ 10 ปีขึ้นไป)
ค่าเบี้ยประกันชีวิตของผู้มีเงินได้หักค่าลดหย่อนและได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้เท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท
ทั้งนี้ หากคู่สมรสมีการประกันชีวิต และความเป็นสามีภริยาได้มีอยู่ตลอดปีภาษี ผู้มีเงินได้มีสิทธิหักลดหย่อน สำหรับเบี้ยประกันชีวิตของคู่สมรสที่ไม่มีเงินได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 10,000 บาท
ค่าเบี้ยประกันสุขภาพของผู้มีเงินได้  หักค่าลดหย่อนเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 25,000 บาท แต่เมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตสำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีกำหนดตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ต้องไม่เกิน 100,000 บาท ประกันลดหย่อนภาษี


2. เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ

ค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ หักค่าลดหย่อนในอัตราร้อยละ 15 ของเงินได้ที่นำมาเสียภาษีเงินได้ในแต่ละปี แต่ไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี  ทั้งนี้ ต้องเป็นค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ ความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป และจ่ายผลประโยชน์เงินบำนาญเมื่อผู้มีเงินได้อายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไปถึงอายุ 85 ปีหรือกว่านั้น และเมื่อรวมกับเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เงินสะสมเข้ากองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เงินสะสมเข้ากองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน เงินที่ซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และเงินสะสมเข้ากองทุนการออมแห่งชาติ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท

กรณีไม่มีเบี้ยประกันชีวิตตามข้อ 1 สามารถนำเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญไปหักลดหย่อนแทนเบี้ยประกันชีวิตตามข้อ 1 ก่อนได้ ซี่งจะได้สิทธิลดหย่อนภาษีรวมสูงสุด 300,000 บาท

นอกจากนี้ยังสามารถลดหย่อนภาษีสำหรับลูกกตัญญู คือ ค่าเบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดาของผู้มีเงินได้และคู่สมรส หักค่าลดหย่อนเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท ทั้งนี้ บิดามารดาของผู้มีเงินได้และคู่สมรสต้องไม่มีเงินได้พึงประเมินในปีภาษีที่ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้เกิน 30,000 บาท

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
          บุคคลธรรมดามีหน้าที่ต้องยื่นเงินได้เพื่อเสียภาษีเงินได้ในทุกปี ภายในวันที่ 31 มีนาคมของทุกปี  โดยบุคคลธรรมดาที่มีรายได้เกิน 120,000 บาทต่อปี มีหน้าที่ต้องยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยจะคำนวณจากเงินได้สุทธิประจำปี ซึ่งเกิดจากเงินได้ทั้งปี หักค่าใช้จ่าย และหักค่าลดหย่อน   

วิธีการคำนวณภาษี
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา = [(รายได้ – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน) – เงินบริจาค] x อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
หากรายได้สุทธิไม่เกิน 150,000 บาท ก็จะได้รับการยกเว้นภาษีแต่ถ้าเกินกว่านั้นก็จะเสียภาษีในอัตราก้าวหน้าแบบขั้นบันได
หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7 ... 10